วันพุธ, มีนาคม 23, 2559

"พังค่าฟ้าแดง" หาใช่ "พังงาฟ้าแดง" ไม่

"พังงาฟ้าแดง" 
จากช่วงหนึ่งของวรรณกรรมที่ว่า
"ชายใดจากหญิงภรรยาไปเมืองจีน ไปชวา ไปพังงาฟ้าแดงเกิน 3 ปี อนุญาติให้หญิงนั้นมีชู้ได้" สะท้อนให้เห็นถึงความห่างไกลและทุรกันดารของถิ่นพังงาในสมัยนั้น 



แต่...ในที่นี้ขอกล่าวถึง บทความที่ใกล้เคียงกับบทความข้างต้นที่ว่า..

"...แม้นว่าชายไปเมืองจีนไปชะแลไปเชียงใหม่ไปพังค่าไปชะวาผาแดงดั่งนั้นไซ้ ท่านให้หญิงอยู่ถ้าสามปี ถ้าได้ข่าวว่าสลัดจับชายผัวไปได้ แลสำเภาสัดไปตกข้าศึก ให้หญิงอยู่ถ้าเจ็ดปี
ถ้าพ้นสาม/เจ็ดปีแล้วหญิงมีชู้ผัว มิให้มีโทษแก่หญิงชายนั้นเลย ถ้าชายผัวเก่ามาทำร้ายแก่เฃาทังสองไซ้ ท่านให้ไหมดุจเดียวแล..."


[พระไอยการลักษณผัวเมีย หมวด ๗ มาตรา ๖๒ วรรค ๒] กฎหมายตราสามดวง ฉบับพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง แก้ไขปรับปรุงใหม่ เล่ม ๒ พ.ศ. ๒๕๔๘ สถาบันปรีดี พนมยงค์



"ไปเมืองจีน ไปชะแล ไปเชียงใหม่ ไปพังค่า ไปชะวา ผาแดง"

ซึ่งทั้งหมดคือชื่อบ้านนามเมือง ในที่นี้ขอกล่าวถึง
"พังค่า"

พังค่าในที่นี้หาใช่พังงาในปัจจุบันไม่!!

"พังค่า" หรือ เมืองพังคาน่าจะอยู่ทางเหนือ เชื่อว่าปัจจุบันคือ "เมืองนครสวรรค์" นั่นเอง

อ้างอิงจาก ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๔ พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และ เว็บของทางเทศบาลนครสวรรค์ โดยคุณเพ็ญชมพู
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5496.0

(กฎหมายตราสามดวง คือ ประมวลกฎหมายในรัชกาลที่ 1 ปฐมกษัตริย์แห่งบรมราชจักรีวงศ์ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ชำระกฎหมายเก่า ที่มีมาแต่ครั้งโบราณ แล้วรวบรวมเป็นประมวลกฎหมายขึ้นเมื่อ พ.ศ.2347)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น