เครื่องประดับ เป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งชี้ให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่
รสนิยมของผู้ที่สวมใส่ และยังสะท้อนให้เห็นถึงสภาพสังคม เศรษฐกิจในยุคนั้นๆอีกด้วย
เช่นเดียวกับเครื่องประดับของชาวบาบ๋า ที่มีความงามทั้งแง่ศิลปะ
ความประณีตที่ทำให้เห็นถึงฝีมือทางเชิงช่าง อีกทั้งวัสดุที่นำมาใช้ล้วนเป็นทองคำ
เงิน นาก มาประดับด้วยอัญมณีมีค่าต่างๆ
อันสะท้อนให้เห็นถึงความมั่งคั่งร่ำรวยของคนในยุคนั้น
เครื่องประดับของคนบาบ๋าที่ใช้สวมใส่มีมากมายหลากหลาย
ทั้งที่เป็นเครื่องประดับสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น แหวน ปิ่นปักผม เข็มขัด เป็นต้น
และเครื่องประดับที่ใช้ในวาระโอกาสสำคัญๆต่างๆที่มักมีความวิจิตรตระการตามากยิ่งขึ้นตัวอย่างที่เห็นจากภาพต่อไปนี้ เป็นภาพส่วนหนึ่งของขบวนแห่สินสอดทองหมั้น ที่บาบ๋าปีนังจัดแสดงในงาน
24
th BABA-NYONYA CONVENTION 2011, PENANG(25-27 NOV 2011) เครื่องประดับที่นำมาเป็นสินสอดประกอบด้วย
๑. “หมั้ยตีน” หรือกำไลข้อเท้า มีลักษณะเป็นวงกลม
มีส่วนเว้าระหว่างรอยต่อเพื่อความสะดวกในการสวมใส่
หรือทำเป็นวงกลมที่มีสกรูเพื่อช่วยขยายขอบกำไล
บ้างใส่กระพรวนไว้เมื่อเดินจะเกิดเสียงดัง
หมั้ยตีนนิยมใส่กับชุดครุยยาวเนื่องในโอกาสพิเศษหรือพิธีการที่สำคัญ
๒.“เข็มเหน็บมวย” หรือปิ่นปักผม สตรีบาบ๋าในอดีตมักไว้ผมยาว จึงนิยมเกล้าผมเป็นมวย มีการเกล้ามวยผมเป็นสองแบบ แบบแรกเป็นการรวบผมตึงเกล้ามวยประมาณท้ายทอยเป็นการเกล้ามวยแบบมวยต่ำ ใช้เข็มเหน็บมวยเพียงอันเดียวหรือสองอัน
แบบต่อมา เป็นการเกล้ามวยสูงหรือที่เรียกว่า “ชักอีโบย” แบบนี้จะใช้เมื่อสวมชุดครุย
รอบมวยผมจะตกแต่งด้วยพวงมาลัยดอกไม้ ใช้เข็มเหน็บมวย ๓, ๕ หรือ 7 อัน หรือการเกล้ามวยสูงสำหรับชุดแต่งงานส่วนมวยผมจะประดับด้วยฮั๋วก๋วน
ติดดอกไม้ไหว ปักด้วยเข็มเหน็บมวยรอบด้าน
เข็มเหน็บมวยหรือปิ่นปักผมจึงมีความสำคัญยิ่งในการใช้ชีวิตประจำวัน
๓. “โกรสัง” เข็มกลัดติดเสื้อ ด้วยเสื้อของชาวบาบ๋าไม่นิยมติดกระดุมแต่จะใช้เข็มกลัดแทน เข็มกลัดหรือโกรสังเป็นเครื่องประดับสามชิ้น มีตัวใหญ่อยู่ด้านบน นิยมเรียก “ตัวแม่(mother piece, kerongsang ibu)” ด้านล่างเรียกว่า “ตัวลูก(child piece, kerongsang anak)” หรือที่เรียกว่า “a set of mother and child”
การออกแบบโกรสังที่ใช้กลัดแทนกระดุม สำหรับชุดเสิ้อครุย
มักมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจเป็นตัวแม่ ส่วนตัวลูกจะทำเป็นวงกลมมีขนาดย่อมกว่าตัวแม่
มีการตกแต่งเป็นลวดลายต่างๆ
โกรสังอีกแบบหนึ่งจะเป็นชุดเข็มกลัด ๓
ชิ้นมีโซ่เล็กๆเกี่ยวเนื่องกันเป็นชุดๆ โกรสังส่วนใหญ่มักทำจากทองคำ เงิน นาก
ประดับด้วยเพชรซีก หรือเพชรลูก
๔. “อ่องโบ้ ” ต่างหู (ตุ้มหู)
๕.“หลั่นเต่ป๋าย” เป็นสร้อยคอ ที่นิยมทำเป็นแผงรูปวงรี
ให้โค้งตามลำคอ นิยมทำด้วยทองคำ ประดับเพชร หรืออัญมณีอื่นๆ
๖.“ปิ่นตั้ง”เป็นจี้สำหรับห้อยคอ หรือใช้กลัดติดเสื้อ มักออกแบบเป็นลายดอกไม้ กลีบหรือเกสรประดับเพชร อีกแบบหนึ่ง ออกแบบรูปทรงเป็นทรงนูนคล้ายหลังเต่าประดับด้วยเพชรหรืออัญมณีอื่นๆ ทำเป็นลายดวงอาทิตย์ ลายดอกไม้ ฯ
๗. “กำไลข้อมือ” นิยมทำจากทอง เงิน หรือนาก ประดับเพชรหรืออัญมณีมีค่าอื่นๆ ออกแบบลวดลายเป็นนก ดอกไม้ หรือลายเครือเถา
“กิมตู้น” จี้ห้อยคอ มักนำเหรียญทอง (เหรียญที่ชาวอังกฤษนำเข้ามาใช้ในยุคล่าอาณานิคม)
ส่วนใหญ่เป็นเหรียญสมัยปลายคริสตวรรษที่๑๘ ถึงต้นคริสตวรรษที่ ๑๙ ที่นิยมนำมาตกแต่งล้อมรอบเหรียญ เป็นลายเครือเถา
ลายสัตว์ต่างๆ ส่วนเหรียญที่รุ่นก่อนปลายคริสตวรรณที่ ๑๘ นั้น
นิยมเก็บเป็นของสะสมไว้ให้เป็นสมบัติแก่บุตรหลานจะเรียกว่า “เหรียญแหม่มทูนหัว” แบบหนึ่ง
อีกแบบมีขนาดเล็กกว่าแบบแรกใช้ทองคำ เงิน หรือนาก มาทำเป็นกระดุม
โดยมีห่วงเล็กๆอยู่ด้านหลัง แบบนี้ใช้สำหรับติดเสื้อคอตั้งแขนจีบ
การใช้เหรียญทองคำซึ่งในสมัยนั้นนับเป็นของมีค่าที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนสินค้าได้มาทำเป็นเครื่องประดับนั้น
สะท้อนให้เห็นถึงความมั่งคั่งของผู้ที่สวมใส่ได้เป็นอย่างดี
"อ่องโบ้" หรือต่างหู (หรือที่ชาวตะกั่วป่าเรียกว่า ตุ้มหู) มีหลากหลายลักษณะ คือ
๑."ตุ้มหูหางหงส์" เป็นตุ้มหูติดแนบกับใบหู ๒."ตุ้มหูดอกพิกุล" เป็นตุุ้มหูแบบติดแนบกับใบหูอีกแบบหนึ่ง ออกแบบเป็นลายดอกพิกุล ๓."ตุ้งติ้ง"เป็นตุ้มหูที่ห้อยระย้า
๑."ตุ้มหูหางหงส์" เป็นตุ้มหูติดแนบกับใบหู ๒."ตุ้มหูดอกพิกุล" เป็นตุุ้มหูแบบติดแนบกับใบหูอีกแบบหนึ่ง ออกแบบเป็นลายดอกพิกุล ๓."ตุ้งติ้ง"เป็นตุ้มหูที่ห้อยระย้า
“แหวน” "อ่องโบ้" หรือต่างหู (หรือที่ชาวตะกั่วป่าเรียกว่า ตุ้มหู) มีหลากหลายลักษณะ คือ เครื่องประดับที่สวมใส่ติดตัวในชีวิตประจำวัน
สำหรับคนบาบ๋านิยมทำแหวนเป็นลายดอกไม้ เรียกว่า “แหวนหัวดอกพิกุล”
ใช้เพชรลูกเป็นหัวแหวน รายรอบด้วยเพชรซีก
บ้างทำหัวแหวนเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนหรือสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด เรียกว่า “แหวนบาแยะ”
เครื่องประดับของบาบ๋า ยังมีการออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนขึ้นมาใหม่ได้อีกด้วย เช่น ต่างหูแบบแนบกับใบหู สามารถนำมาต่อได้เป็นต่างหูแบบระย้า หรือจะนำมาทำเป็นหัวแหวนได้อีกด้วย
ทั้งนี้บทความนี้เป็นเพียงการเก็บรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น จำต้องขอความคิดเห็นอันเป็นสาระจากท่านทั้งหลาย เพื่อให้มีความสมบูรณ์และสามารถใช้อ้างอิงได้ต่อไปในอนาคต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น